เปรียบเทียบชัด !! ศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock vs การร้อยไหม การยกกระชับแบบไหน เหมาะสมและใช่สำหรับคุณ

อายุเพิ่มขึ้น ความหย่อนคล้อยบนใบหน้าก็ตามมา เพราะอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวหน้าถูกแทนที่ด้วยริ้วรอย ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่เต่งตึงกระชับอย่างที่เคย นับว่านี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สาว ๆ หลายคนกังวล และพยายามหาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันมีนวัตกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นการนวดหน้า, การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มยกกระชับ, การทำหัตถการกลุ่มฉีด, การทำเลเซอร์ยกกระชับ, การร้อยไหม รวมไปถึงการศัลยกรรมดึงหน้า เป็นต้น

ซึ่งนับว่าการร้อยไหม ยังคงเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะการร้อยไหมจะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับตึงกระชับได้ทันที โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และราคายังค่อนข้างถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการทำหัตถการอื่น ๆ ในแต่ละครั้ง แล้วระหว่างการร้อยไหมกับการศัลยกรรมดึงหน้า การยกกระชับทั้งสองแบบนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้น้องอลีนจะมาเปรียบเทียบให้ดูกันชัด ๆ ไปติดตามกันเลยค่ะ

การร้อยไหม (Thread Lift) คืออะไร ?

การร้อยไหม คือ วิธีการยกกระชับผิว โดยการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงไปตามทิศทางโครงสร้างใบหน้า เงี่ยงของไหมจะทำหน้าที่คล้ายตะขอเกี่ยวรั้งผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ เต่งตึงขึ้นทันทีหลังทำตามทิศทางตามการร้อยไหมของแพทย์ ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ความกระชับและเข้ารูปของใบหน้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจาก 3 เดือนโดยประมาณ ซึ่งการร้อยไหมจะคงประสิทธิภาพการยกกระชับได้นานตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล รวมถึงประเภทของไหมที่เลือกใช้ และความชำนาญของแพทย์

ศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock คืออะไร ?

ศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock คือ การผ่าตัดดึงหน้าเทคนิคเฉพาะของคุณหมอภูวิช คงชยะนันท์ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ประจำ ALINE Clinic จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งการผ่าตัดดึงหน้า เทคนิค Triple Lock จะช่วยแก้ปัญหาและจัดการกับความหย่อนคล้อยได้ลึกถึง 3 ชั้น ได้แก่

1. ชั้นผิวหนัง ตัดผิวหนังส่วนเกินออก และเย็บล็อคผิวให้ตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
2. ชั้นใต้ผิวหนัง นำไขมันส่วนเกินบางส่วนออก เพื่อให้ใบหน้ามีความกระชับมากยิ่งขึ้น
3. ชั้น SMAS ตัดและเย็บกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาตึงกระชับ ล็อคแน่น และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและมีความเต่งตึงสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
   

การศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิค Triple Lock คุณหมอภูวิชจะผ่าตัดดึงหน้าตามแนวเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดโอกาสในการดึงรั้งของแผล ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดแผลคีลอยด์ และด้วยเทคนิคในการผ่าตัดดึงหน้า Triple Lock ของคุณหมอภูวิชมีการตัดเย็บที่ชั้นผิว SMAS ทำให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดี มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการผ่าตัดแบบชั้นตื้น โดยไม่ต้องโกนผมอีกด้วย สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock ทั้งหมดแบบเจาะลึก ได้ที่ เจาะลึกเรื่องดึงหน้าฉบับสมบูรณ์ เทคนิคใหม่ ลงลึกถึงชั้น SMAS ด้วยเทคนิค Triple Lock

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการร้อยไหมและศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock

ระดับความลึกของชั้นผิวที่ทำการยกกระชับ

การร้อยไหมเป็นการยกผิวชั้นบนหรือชั้นตื้นให้กระชับขึ้นเท่านั้น แต่ในการทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock คุณหมอภูวิชจะทำการยกกระชับผิวหนังถึง 3 ชั้นด้วยกัน ได้แก่ ชั้นผิวหนัง, ชั้นใต้ผิวหนัง และชั้น SMAS ทำให้สามารถยกกระชับผิวได้คงทนกว่า

ผลลัพธ์หลังทำ

การยกกระชับทั้งสองวิธี สามารถเห็นผลลัพธ์ความแตกต่างได้ทันทีหลังทำ ซึ่งการร้อยไหมจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที 30% แต่การทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock จะยังคงมีความบวมช้ำหลังผ่าตัดอยู่ จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ความกระชับและเข้ารูปของใบหน้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเวลาประมาณ 6 เดือน

ความคงทนของผลลัพธ์

การร้อยไหมจะช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นได้เพียง 6 เดือน ถึง 2 ปีเท่านั้น แต่การทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock สามารถคงผลลัพธ์ไว้ได้ยาวนานถึง 10 ปี

การเกิดพังผืด

แม้เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน แต่ก็ยังถือเป็นสิ่งแปลกปลอม ดังนั้น อาจทำให้เกิดพังผืดเกาะยึดเส้นไหม เกิดการอักเสบจากการเกาะตัวกันถาวรในบริเวณเส้นไหมที่ร้อยเข้า ส่งผลให้ใบหน้าบิดเบี้ยว ผิดรูป ต่างจากการทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock ที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดพังผืด มีความปลอดภัยสูง เพราะไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย มีผลลัพธ์ที่ดี และไม่เกิดผลเสียในระยะยาว

ราคา

แม้ว่าราคาในการร้อยไหมแต่ละครั้งจะมีราคาถูกกว่าการทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock ซึ่งคุณสามารถร้อยไหมได้ในราคาตั้งแต่หลายพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท แต่การร้อยไหมนั้นจำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในทุก ๆ ครั้งที่ทำการร้อยไหม เพราะระยะเวลาในการคงทนของผลลัพธ์ในการร้อยไหมเพียง 8 เดือน - 2 ปีเท่านั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่การทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock จะมีราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นขึ้นไป แต่ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ คงทนถึงประมาณ 10 ปี

ความคุ้มค่า

หากเปรียบเทียบผลลัพธ์ในการผ่าตัดดึงหน้า เทคนิค Triple Lock  ซึ่งให้ผลลัพธ์คงทนกว่าถึง 10 ปี แต่จ่ายในราคาหลักหมื่น กลับกันกับการร้อยไหมที่ต้องทำซ้ำในแต่ละปีถึงสองปี สุดท้ายแล้วทั้งสองบริการนี้ก็ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของราคา แต่การศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock ให้ผลลัพธ์ที่ดี มีความปลอดภัย ไร้สิ่งแปลกปลอม รวมทั้งให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับได้ยาวนานกว่าการร้อยไหม

เหมาะกับใคร

แม้ทั้งสองวิธีจะช่วยให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้นได้ แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคนนะคะ สำหรับการร้อยไหมจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการยกกระชับแบบเฉพาะจุด ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีอายุยังน้อย มีความหย่อนคล้อยไม่มากนัก หรือเหมาะกับผู้ที่อยากยกกระชับผิวโดยไม่ต้องการผ่าตัด แต่การทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยมาก หรือผู้ที่ต้องการผ่าตัดดึงหน้าเพียงครั้งเดียว แต่ได้ผลลัพธ์ที่คงทนและยาวนานเป็น 10 ปี

สรุป

การร้อยไหมมีราคาที่ย่อมเยา และมีตัวเลือกมากมายให้เลือกตามปัญหาและความต้องการของผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว แต่ผลลัพธ์หลังการร้อยไหมนั้น จะเห็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนการทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock มีราคาที่สูงกว่า แต่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ทุกจุดบนใบหน้า รวมทั้งบริเวณลำคอ และได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างน้อย 10 ปี ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากไหมที่ไม่มีคุณภาพ การศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Triple Lock จึงเป็นการยกกระชับที่คุ้มค่าและให้ผลลัพธ์ดีที่สุดค่ะ

รวมรีวิวศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิค Triple Lock ที่ ALIINE Clinic

สำหรับท่านที่สนใจรับชมรีวิวศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิค Triple Lock เพิ่มเติม สามารถติดตามชมได้ที่ ALINE Clinic by หมอภูวิช อลีนคลินิก ศัลยกรรมตกแต่ง โคราช หรือติดต่อผ่านทาง LINE OA : @alineclinic ได้เลยนะคะ

คำชี้แจง: หน้านี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์โดยตรง นอกจากนี้ หน้านี้ไม่ควรถูกใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก่อนที่จะพิจารณาการรักษาใด ๆ เพื่อประเมินว่าท่านเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการรักษานั้นหรือไม่ ทั้งนี้ ท่านจะมีโอกาสในการพูดคุยถึงประโยชน์ ความเสี่ยง และทางเลือกอื่น ๆ ที่อาจมีอยู่